"แกๆ พอจะรู้จักใครไหมที่ถ่ายรูปโอเคในออฟฟิศ" จู่ๆเราก็โดนทักมาใน Instant Messenger ของที่ทำงานหลังเวลางาน
"..."
"ปกติจะเป็นภัค กับ โบว์ แต่ปีนี้ทั้งสองคนจะต้องเข้าพิธีรับเหรียญกันหมด"

"น้องเม ไง" พอนึกออกก็รีบตอบกลับไปทันที
"อ่าฮะ ปกติมันจะต้องมีสองคน ไม่รู้จะขอยืมตัวใครไปช่วยงานได้อีกบ้าง ...ปกติจะเมลล์ขออนุญาตหัวหน้างานเป็นเรื่องเป็นราวด้วยนะ"
"อ่าวหรอ เคยเห็นคนไหนในออฟฟิศใช้กล้อง DSLR บ้างไหม" ...เราคิดไม่ออก
"ก็ใช้เยอะแยะเลย แต่อยากได้แบบ ถ่ายเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย"
"เอิ่ม... นึกไม่ออกเลย"
"ใช่ๆ นึกไม่ออกเลยว่าเป็นใครดี........................ ...พีระ ไปถ่ายไหม 555+"
"ถุย!" (อันนี้แค่นึกในใจ) โถ่ ที่แท้ก็มาพยายามหว่านล้อมเราไปช่วยงาน นี่มันภัยสังคมแท้ๆ T_T

งานเข้าครับ!

วันที่ 30 เมษายน 2557 เป็นครบรอบวันเกิดตลาดหลักทรัพย์ฯ อายุครบ 39 ขวบ ซึ่งปกติตอนเช้าก็จะมีงานทำบุญตักบาตร และเที่ยงก็มีเลี้ยงโต๊ะจีนพร้อมกิจกรรมเฮฮาเล็กน้อย ที่สำคัญ ของขวัญวันเกิดที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯมอบให้แก่พนักงานทุกคนในวันเกิดทุกปีคือ จะให้วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดงาน 1 วัน! ไม่ต้องแอบอิจฉาขนาดนั้นครับ จริงๆแล้วมันคือวันแรงงาน

นอกจากกิจกรรมตักบาตรและเลี้ยงโต๊ะจีนแล้ว ในวันเกิดตลาดก็จะมีพิธีมอบของที่ระลึกให้กับพนักงานที่มีอายุงานครบ 10/15/20/25/35 ปีในช่วงเช้าด้วย! เอาจริงๆเลยนะ คือเรารู้ว่ามีงานพิธีฯ แต่ขอสารภาพเลยว่าไม่รู้ว่างานนี้จะมีพิธีรีตรองมาก แถมยังเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนๆได้ เข้าใจผิดมาตลอดหลายปีเลยสินะ นึกว่าคนอื่นไม่เกี่ยว! (ทำไมเอ็งไม่อ่านเมลล์ T_T)

ในงานพิธีฯ จะมีการนิมนต์พระสงฆ์มาถวายสังฆฑานเพื่อความเป็นสิริมงคง และก็จะเป็นพิธีมอบของที่ระลึก โดยท่านประธานกรรมการฯ ​อดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯหลายๆท่าน รวมถึงผู้จัดการคนปัจจุบันได้ให้เกียรติเข้าร่วมแสดงความยินดี และเป็นผู้มอบของที่ระลึก นอกจากนี้ผู้บริหารก็มาร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน ส่วนพนักงานก็จะมีการนั่งประจำที่นั่งตามลำดับอายุงาน จะมีการจัดแถวที่ข้างเวที และเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับของที่ระลึกเมื่อมีการขานชื่อตามลำดับ หลังจากนั้นก็จะมีการถ่ายภาพหมู่ อันเป็นเสร็จพิธี...

แหม่... พอได้ยินแบบนี้แล้ว ภาพที่นึกออกบรรยายกาศน่าจะเกร็งๆ เสียงเงียบสงัดเลยใช่ไหมครับ ...มันไม่ใช่อย่างที่คิด เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

"ในงานจะต้องมีตากล้องหลัก 1 คนถ่ายรูปบนเวที และตากล้องอีกหนึ่งคนคอยเก็บภาพบรรยากาศ"
"อ่อ จะให้เราเป็นตากล้องเก็บบรรยากาศใช่ไหม? ...อย่าคาดหวังอะไรจากเราเลย" เรารีบชิงออกตัว คว้างานที่สบายๆไว้ก่อนครับ 555

และนี่แหละครับก็เป็นที่มาของภาระและหน้าที่ในครั้งนี้

นี่เป็นภาพบรรยากาศในหอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัยภายในตลาดหลักทรัพย์ หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับที่นี่ดีเพราะว่าเป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำหรับทั้งบุคคลภายในและภายนอก ทั้งงานประชุม งานสัมมนาต่างๆ รวมถึงงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนที่นักลงทุนหลายๆคนรู้จักกันดี แต่วันนี้หอประชุมฯได้กลายมาเป็นสถานที่สำหรับจัดงานพิธีที่ได้กล่าวถึงไปครับ

"พรุ่งนี้เรามีนัดกันใช่ไหม พีระเป็นคนถ่ายรูปเก็บบรรยากาศในงาน พรุ่งนี้เรามาเจอกันซักเวลา 8.10น. ที่หน้าห้องประชุมนะคะ"
"ครับ..."

เช้าวันที่ 30 เมษา ตอน 7.45น. เราวิ่งลงรถใต้ดินจากสถานีแถวบ้าน ทั้งๆที่ปกติไม่เคยวิ่ง เวลานัดนี่เช้ากว่าเวลาเข้างานปกติอีกนะเนี่ย ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน กาแฟก็ยังไม่ได้เสพย์ (อาบน้ำและแปรงฟันแล้ว อย่าสงสัยไปมากกว่านั้น) แต่ถ้าไปช้าล่ะก็แย่แน่ วิ่งเถอะ

ช่วงเช้ารถไฟใต้ดินแน่นมาก แต่โชคดีที่สถานีใต้ดินแถวบ้านสามารถเดินขึ้นได้ง่ายๆสบายๆทุกขบวนที่จอด ไม่เหมือนกับบางสถานีที่ต้องยืนตาละห้อยมองรถไฟผ่านมาและก็ผ่านไปไม่รู้กี่ขบวนต่อกี่ขบวน พอถึงจังหวะจะได้ขึ้นก็ต้องกลั้นหายใจฮึบ (พยายามทำตัวผอม ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่) แล้วก็กระโดดเข้าไปในกลุ่มคนแปลกหน้า พอรถใต้ดินวิ่งผ่านสถานีพระราม 9 ซึ่งเรียกได้ว่าจุดพีคที่สุดของแจ้ ความแน่นระดับความใกล้ชิดยิ่งกว่าผัวเมียพึงกระทำในที่สาธารณะ มันเบียด มันร้อน มันไม่มีอากาศหายใจ อากาศข้างบนเป็นยังไงบ้างนะ (มึงเตี้ย) แต่ก็โชคดีที่ยังมีแอร์ ยังดีกว่ารถใต้ดินลอนดอน...

"ฝึบ..."

เสียงแอร์หึ่งๆที่ดังในรถใต้ดินจู่ๆก็เงียบหายไป ... แสรส รถใต้ดินแม่มดับแอร์!

มันเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมมากครับ (ถ้าพิมพ์ ม.ม้า ตกไปตัวนึงก็คงไม่ผิด) คิดว่าทุกคนคงจะเคยเจอ ใครพอจะรู้จักคนที่พอจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์รถใต้ดินแอร์ดับที่พระราม9ตอนเช้าของทุกวันได้บ้าง รบกวนติดต่อหลังไมค์ด้วยครับ

พอออกมาจากรถใต้ดินก็รีบเข้ามาที่ทำงานเลยครับ​โชคดีที่มาทันเวลาและภายในหอประชุมยังไม่มีคน เลยพอจะเก็บภาพหอประชุมโล่งๆไว้แบบนี้ได้ ส่วนกล้องที่นำติดตัวมาด้วยตอนนี้คือกล้อง Compact Fujifilm X100s

จากที่ถ่ายรูปมาเป็นสิบปีก็พบว่ากล้องแบบนี้เหมาะกับนิสัยตัวเองมากกว่า เพราะเราไม่ชอบแบกอะไรหนักๆใหญ่ๆ เมื่อก่อนใช้ DSLR พร้อมเลนส์มากมาย จนเปลี่ยนมาเป็น mirrorless + prime lens เพื่อลดขนาดของกล้องลงและก็ยังได้ความสามารถในการเปลี่ยนเลนส์ได้อยู่ และสุดท้ายก็พบว่าตัวเองก็ไม่ได้มีความต้องการจะเปลี่ยนเลนส์ซักเท่าไหร่ สุดท้ายตอนนี้ก็มาลงเอยกับกล้อง Fujifilm X100s ซึ่งใช้เลนส์ช่วงเที่ยบเท่า 35mm รูรับแสงกว้างๆ ภาพคมชัด สีสวย แต่ซูมไม่ได้  เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ และ noise น้อยมาก น้อยจนต้องเพิ่ม grain เข้าไปในภาพให้มันดูดิบๆหน่อย ไม่งั้นจะเนียนไป

ว่าแต่จะถ่ายงานทั้งทีก็กลัวกล้อง "Compact" จะไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ก็โชคดีได้รับความอนุเคราะห์จากพี่สาว @NightFox38 ให้ยืมกล้อง DSLR และเลนส์อีกมากมายมาไว้ช่วยถ่ายเก็บบรรยากาศอีกแรง ขอบคุณมากคร้าบ _/|\_

สรุปแล้วภาพที่เห็นในนี้ส่วนใหญ่ก็จะมาจากกล้อง Fujifilm X100s และ Canon 7D + EF-s 10-22mm ครับ

ผู้คนเริ่มทะยอยมากันแล้ว

สำหรับผู้ที่จะเข้าพิธีก็จะต้องมาลงทะเบียน ก็ดูตำแหน่งที่นั่งของตัวเองให้เรียบร้อย และพี่ๆทีมงานก็จะติดเข็มกลัดดอกไม้ให้ที่ตรงหน้าอก

บรรยากาศภายนอกหอประชุมก่อนงานพิธีจะเริ่มดูครึกครื้นและชุลมุนเป็นหย่อมๆ ผู้คนแสดงความยินดี มีการถ่ายรูปเดี่ยว รูปคู่ คู่กับเพื่อน คู่กับป้าย ถ่ายรูปหมู่เล็ก หมู่ใหญ่ ยิ้มให้กล้องใหญ่ที กล้องมือถืออีกสามที ปิดท้ายด้วยการ selfie อีกทีนึง

เมื่อก่อนสมัยเด็กๆเราก็บ้ากล้องนะ บ้าอยู่หน้ากล้อง แต่ตอนนี้บ้าอยู่หลังกล้องแล้วครับ ...ดูอาการแล้วน่าจะรักษาไม่หาย

ในตอนนี้ทุกคนก็จะนั่งประจำตามที่นั่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว สักพักหนึ่ง ประธานกรรมการฯ ผู้จัดการฯ อดีตผู้จัดการฯและคณะผู้บริหารก็ตามเข้ามาในหอประชุมพร้อมกับเสียงปรบมือเชียร์ และแสดงความยินดีกับพนักงานที่เข้าร่วมพิธีทุกคน โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอายุงานมากสุด 35 ปี (ในห้องหอประชุม) ซึ่งในปีนี้มีทั้งหมด 3 ท่าน ได้รับเสียงปรบมือและเฮกันยกใหญ่จากน้องๆทุกคนเลย

ก่อนที่จะไปถึงพิธีมอบของที่ระลึกก็จะมีการทำบุญถวายสังฆฑานเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อน

เด็กวัดจำเป็น...

และแล้วก็มาถึงช่วงสำคัญของรายการ พิธีมอบของที่ระลึก เริ่มต้นจากบุคคลที่มีอายุงาน 35 ปี! พอมีการประกาศชื่อและทันทีที่พี่เค้าเดินขึ้นเวที ทุกคนก็ยืนขึ้นและปรบมือ เสียงเฮลั่นหอประชุมเลยครับ เป็นโมเม้นท์ที่น่าประทับใจสุดๆ

บรรยากาศในงานต่างไปจากที่คิดไว้ตอนแรกอย่างมาก บรรยากาศในงานน่ารักและเป็นกันเองมาก เนื่องจากทุกคนก็เป็นคนที่เข้างานมาพร้อมๆกันเป็นส่วนใหญ่ แถมยังรู้จักกันซะเป็นส่วนใหญ่ (เพราะอยู่มานานหรือเปล่า​?) และยังได้พิธีกร/ผู้ประกาศรายชื่อระดับเทพที่คอยดำเนินรายการได้อย่างลื่นไหลและเป็นกันเอง มีการล้อเลียนและหยอกกัน มีการเปิด sound effect ตลกๆประกอบ เป็นการเพิ่มสีสันของงานได้อย่างลงตัว ทำให้งานพิธีฯไม่ดูตึงๆและดูเป็นทางการเกินไป เจ๋งมากครับพี่โจ้

คู่แต่งงานกันไปก็มีนะ... คู่ที่กำลังจะแต่งงานก็มีนะ...

เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปหมู่กันอีกทีเพื่อเป็นที่ระลึก หลังจากนั้นก็เป็นจังหวะชุลมุนอีกครั้ง! ผู้คนก็ถ่ายรูปกันเองตามกลุ่มก้อน และก็ขอถ่ายรูปคู่กับท่านผู้บริหาร ในหนึ่งปีก็จะมีไม่กี่โอกาสไม่กี่ครั้งที่จะได้ขอถ่ายรูปแบบนี้ โอกาสมาถึงแล้ว จัดไป!

มีมอบพวงมาลัยให้กันด้วย!

บางทีการเก็บภาพบรรยากาศแบบนี้อาจจะเข้ากันได้กับนิสัยอย่างเรา เพราะว่าไม่ค่อยชอบบอกให้คนมองกล้องเท่าไหร่ รูปที่ต้องการไม่ได้จำกัดอยู่ที่ว่าจะต้องได้ eye contact หรือไม่ แต่จะเป็นการถ่ายเพื่อบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น เวลานั้น เพื่อให้ภายหลังหวนกลับมาดูอีกทีก็จะเหมือนได้นั่ง time machine ย้อนเวลา… ย้อนกลับไปอยู่ท่ามกลางภาพความทรงจำต่างๆในอดีต ทำให้เหตุการณ์ในอดีตที่เราไม่สามารถทำซ้ำขึ้นมาได้อีกกลับชัดเจนอยู่ในความทรงจำอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้เข้ามาร่วมในงานนี้ ดีใจที่ได้เห็น ดีใจที่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดีใจที่ได้ไปถ่ายรูป (โดนหว่านล้อมโดยไม่รู้ตัว) และยินดีกับพี่ๆทุกคนด้วยครับ